Print Friendly and PDF


VPA สามารถเพิ่มพันธะความรับผิดชอบได้อย่างไร

ทำไมพันธะความรับผิดชอบจึงมีความสำคัญ

ตามพันธะความรับผิดชอบ รัฐบาล บริษัท และบุคคลต้องทำในสิ่งที่ได้สัญญาไว้ พวกเขาต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนและพร้อมที่จะรับผลจากการกระทำนั้น พันธะความรับผิดชอบมีส่วนช่วยให้เกิดธรรมาภิบาลป่าไม้ที่ดีในหลายทาง ได้แก่

  • ทำให้ประเทศได้ประโยชน์ด้วยการปรับปรุงกระบวนการและระบบต่างๆ สำหรับการจัดสรรทรัพยากรป่าไม้และการเก็บภาษีรวมทั้งรายได้อื่นๆ
  • เพิ่มความชอบด้วยกฎหมายให้แก่สถาบันของรัฐ
  • ช่วยให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตัดไม้ได้แจ้งข้อร้องทุกข์แก่บริษัทหรือผู้มีอำนาจ
  • ทำให้ภาคป่าไม้มีความเป็นธรรมเพิ่มขึ้นสำหรับบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยถูกต้องตามกฎหมายจากการลดโอกาสในการตัดไม้ผิดกฎหมาย และโดยการระบุและลงโทษกิจกรรมผิดกฎหมายต่างๆ
  • ทำให้เกิดการตรวจสอบและคานอำนาจในอำนาจรัฐ

ในทางกลับกัน การขาดพันธะความรับผิดชอบจะทำให้การตัดไม้ผิดกฎหมายชุกชุม การขาดพันธะความรับผิดชอบสามารถทำให้กฎหมายไร้ซึ่งอำนาจและทำให้รัฐอ่อนแอหากประชาชนสูญเสียศรัทธาเนื่องจากสถาบันไม่ทำหน้าที่ของตน

VPA สามารถเพิ่มพันธะความรับผิดชอบได้อย่างไร

ข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (VPA) ช่วยทำให้เกิดความชัดเจนและเป็นเอกสารซึ่งบันทึกบทบาทและความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้เสียภาคป่าไม้ และขั้นตอนต่างๆ ที่พวกเขาควรปฏิบัติตาม VPA เพิ่มความชอบด้วยกฎหมายของรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของรัฐที่มีต่อป่าไม้ VPA ยังให้วิธีการแก่ผู้มีส่วนได้เสียที่มิใช่ภาครัฐในการให้ผู้มีอำนาจเข้ารับผิดชอบหากรัฐล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่

พันธะความรับผิดชอบขึ้นอยู่กับด้านต่างๆ ของธรรมาภิบาลที่ดี เช่น ความโปร่งใส ความชัดเจน และขีดความสามารถในการที่จะทำให้ผู้มีอำนาจยอมรับผิดชอบ แต่ละด้านเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ด้านอื่นๆ กระบวนการ VPA สามารถมีส่วนช่วยในการปรับปรุงพันธะความรับผิดชอบให้ดีขึ้นในหลายทาง ได้แก่

การมีส่วนร่วม ประการแรก โดยตัวกระบวนการ VPA เองแล้วบังคับให้ผู้มีส่วนได้เสียต้องเข้ามีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมจะทำให้มั่นใจได้ถึงระบบการเปิดกว้างและให้โอกาสแก่ผู้คนในการแสดงข้อกังวล กระบวนการร่วมปรึกษาหารือจะสร้างพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้เสียได้เข้าใจในบทบาท สิทธิ และความรับผิดชอบต่างๆ ของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม และสร้างขีดความสามารถในการเรียกร้องพันธะความรับผิดชอบ พันธะความรับผิดชอบส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับขีดความสามารถและความสมัครใจของผู้มีส่วนได้เสียในการเข้าร่วมการเจรจาและการปฏิรูปกฎหมาย ดูข้อมูลในหมวดแกะกล่อง VPA หัวข้อ VPA สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมได้อย่างไร

การสร้างความเข้มแข็งให้กับความชัดเจนในด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย ระบบการประกันความถูกต้องตามกฎหมายของไม้กำหนดสิ่งที่ผู้มีส่วนได้เสียภาคเอกชนต้องดำเนินการเพื่อแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้สามารถทำการค้าได้ ระบบจะรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์ความถูกต้องตามกฎหมาย และยังทำให้เกิดความชัดเจนถึงบทบาทของผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและขั้นตอนกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามหากพบการไม่ปฏิบัติตาม การตรวจสอบที่เป็นอิสระของระบบการประกันความถูกต้องตามกฎหมายของไม้ยังตรวจสอบเพิ่มเติมอีกว่ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ดังนั้นความเข้มแข็งของระบบการประกันความถูกต้องตามกฎหมายของไม้จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่พันธะความรับผิดชอบในภาครัฐทั้งหมดและช่วยให้หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายสามารถกำหนดมาตรการบังคับต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ดูที่หมวดแกะกล่อง VPA หัวข้อ VPA เพิ่มความชัดเจนของกฎหมายและและความชัดเจนระดับองค์กรได้อย่างไร

กลไกการร้องทุกข์ VPA กำหนดกลไกต่างๆ ในการแก้ไขข้อร้องเรียนและความขัดแย้ง ยกตัวอย่างเช่น VPA ทุกฉบับจะมีบทบัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียได้แจ้งปัญหาขึ้นสู่ คณะกรรมการดำเนินงานร่วม ด้วยการเขียนหนังสือให้แก่ทั้ง EU หน่วยงานในประเทศหุ้นส่วน VPA คณะกรรมการดำเนินงานร่วมจะอภิปรายถึงเรื่องต่างๆ ที่ได้รับการแจ้งขึ้นมาในการประชุม VPA บางฉบับยังมีการกล่าวถึงผู้แจ้งเบาะแสเป็นพิเศษ

ผลลัพธ์อื่นๆ ของ VPA

เนื้อหาและภาคผนวกของ VPA อาจปรับปรุงพันธะความรับผิดชอบในทางอื่นๆ เช่น

  • กำหนดให้ต้องแสดงข้อมูลต่อสาธารณชน (ดู VPA สามารถเพิ่มความโปร่งใสได้อย่างไร)
  • การรวมข้อตกลงเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ในเนื้อหา VPA
  • การสรุปเค้าโครงในพันธสัญญาด้านความโปร่งใสและการปฏิรูปกฎหมายที่ได้วางแผนไว้
  • การตีพิมพ์แผนที่นำทางสำหรับการนำไปปฏิบัติซึ่งช่วยให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถติดตามความก้าวหน้าไปยังเป้าหมายได้
  • การระบุว่าข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผู้ตรวจสอบอิสระอาจส่งให้แก่คณะกรรมการดำเนินงานร่วม
  • การอนุญาตให้ VPA ยอมรับบทบาทของผู้สังเกตการณ์อิสระซึ่งโดยปกติแล้วมาจากองค์กรภาคประชาสังคม

โปรดอ่านเพิ่มเติมได้ที่หมวดแกะกล่อง VPA หัวข้อ การสังเกตการณ์ที่เป็นอิสระ

ตัวอย่าง ชุมชนในประเทศไลบีเรียให้รัฐบาลรับผิดชอบ

กฎหมายปฏิรูปป่าไม้แห่งชาติไลบีเรีย (2006) ประกอบด้วยบทบัญญัติที่ก่อตั้งสิทธิของชุมชนเพื่อการแบ่งปันกระแสรายรับที่แน่นอนจากภาคป่าไม้ ตัวอย่างเช่น ชุมชนมีสิทธิ์ได้รับเงิน 30% จากค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดินที่บริษัทตัดไม้ชำระ รวมถึงค่าธรรมเนียมต่อลูกบาศก์เมตรของไม้ที่ตัดได้จากชุมชนของตนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จนถึงปี 2013 ก็ยังไม่มีชุมชนใดได้รับส่วนแบ่งจากค่าเช่าที่ดินเลย ถึงแม้ว่าจะมีการชูประเด็นนี้ขึ้นมาในหลายรูปแบบก็ตาม หลังจากไลบีเรียให้สัตยาบัน VPA ในปี 2013 ตัวแทนชุมชนในคณะกรรมการดำเนินงานร่วมต่างยกข้อกังวลของตนขึ้นมา รัฐบาลเห็นด้วยที่จะจัดสรรส่วนแบ่งของชุมชนจากกองทุนในกองทุนการแบ่งปันผลประโยชน์แห่งชาติ (National Benefit Sharing Trust) อีกครั้ง ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในกฎหมายการปฏิรูปป่าไม้แห่งชาติ ในปัจจุบัน รัฐบาลไลบีเรียได้จ่ายเงินก้อนแรกจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่กองทุนนี้แล้ว

ซึ่งการโอนเงินค่าธรรมเนียมเช่าที่ดินให้แก่กองทุนนี้เป็นครั้งแรกนี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญของ VPA เมื่อกองทุนนี้ดำเนินการ ชุมชนก็จะสามารถยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ ของชุมชนได้ โดยคณะกรรมการของกองทุนนี้ประกอบด้วยพันธมิตร NGO และสมาชิกของตน ซึ่งรวมถึงตัวแทนของชุมชนและรัฐบาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

ลิงค์ภายนอก

Bollen, A. and Ozinga, S. 2013. Improving Forest Governance. A Comparison of FLEGT VPAs and Their Impact. FERN. 50pp. [ดาวน์โหลดไฟล์ PDF]

Duffield, L. and Ozinga, S. 2014. Making Forestry Fairer. A Practical Guide For Civil Society Organisations Taking Part in VPA Negotiations. FERN. 68pp. [ดาวน์โหลดไฟล์ PDF]

Faure, N. and Lesniewska, F. 2012. Implementing VPAs: Outlining Approaches for Civil Society's Participation in VPA-related Law Reforms. Ghana Regional Workshop: Experiences from the FLEGT/VPA process in West and Central African countries. ClientEarth. [ดาวน์โหลดไฟล์ PDF]